Day 3 : 7 Dec ภูทับเบิก

Day 3 : 7 Dec ภูทับเบิก

เมื่อคืนเรานอนกันที่ภูเรือ แล้วเช้านี้ เราตื่นกันตั้งแต่เช้า เพื่อขึ้นภู ไปดูพระอาทิตย์ขึ้น

เช้านี้พวกเราตื่นขึ้นกันตั้งแต่เช้า ป่าป๊าตื่นก่อนเหมือนเคย อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ปลุกทุกคนให้ตื่นบ้าง พวกเราเดินทางขึ้นไปที่ภูเรือขับรถไป ขีั้นไปบนภูเขา ด้านหลังที่พัก เราออกเดินทางประมาณตีห้ายี่สิบนาทีได้ พอขึ้นไปถึงภูเรือแล้วงงๆที่ทางอยู่เห็น มีลานจอดรถและมืดมากเราก็เลยจอดรถแล้วข้างทาง แล้วเดินมาทางเข้าด้านหน้า จริงๆ พอขับมาถึง มันจะวนเป็นวันเวย์ แล้วออกมา ถ้าวนเข้าไป ก็จะเจอลานจอด เรายังไม่รู้ พอวนไป ก็จอดข้างทางเลย แล้วเดินมา

ด้านหน้าเป็นเหมือนตลาด มีร้านค้า คนรอขึ้นรถกัน มีป้ายบอกว่า 1 กม. แต่เราก็ขึ้นสองแถวอยู่ดี ขับแป๊ปเดียวก็มาถึงบนภูเรือแล้ว จ่ายเงินคนละ 10 บาท

ข้างบนภูเรือกว้างพอสมควร ที่นี่จะไม่เหมือนกับภูทอก ซึ่งจะเป็นทะเลหมอก เหมือนเป็นหุบเขา หมอดจะมาค้างที่ภูทอกเห็นเป็นหมอกไปทั่ว รวมทั้งกลบเมืองเชียงคานด้วย แต่ที่นี่ภูเรือ จะดูวิวของภูเขา ภูเขาใหญ่มากมองเห็นลดหลั่นกันไปสุดสายตา เป็นลูกๆ ซ้อนกันไป สวยงามมาก

 

ยามเช้าที่ภูเรือ พระอาทิตย์มาแล้ว นั่งสนทนากันดีกว่า

คนที่เยอะพอควร พวกเรามองพระอาทิตย์ขึ้น หม่าม๊าง่วง และก็เมื่อยขาแล้ว แต่ก็ยังยืนมองพระอาทิตย์ พอแสงเริ่มมา เราถึงเริ่มถ่ายรูปกัน เพราะมืดๆ ถ่ายมาก็ไม่สวย ต้องให้แสงมานิดหน่อยก่อน

อากาศเย็น 17 องศา ที่สำคัญ ลมแรงมากด้วย

อากาศเย็น น่ากอดกันจริงๆ วิวก็สวย ทุกคนก็ยืนดูกันเงียบๆ ถ่ายรูปกันใหญ่เลย

โมชิคนเก่ง หนาวแต่ก็สู้ ส่วนม่อนไม่หนาวเลย ครอบครัวสุขสันต์

เช้านี้อยู่ที่ภูเรือนาน เด็กๆ แกล้วง่วง นอนหนุนตักหม่าม๊าแล้ว

แล้วก็เริ่มง่วงล่ะ เราไม่นั่งสองแถวแล้ว เดินลงมาดีกว่า

พอดูเสร็จแล้วเราก็ใช้วิธีเดินลงมา ไม่นั่งสองแถวอีก เดินลงมาเรื่อยๆ มีร้านค้าขายของตรงจุดนักท่องเที่ยวก็เลยซื้อหนมปังปิ้งมาให้แซลมอนกับโมชิกิน นั่งพักกันสักพัก ก็ขึ้นรถ เดินทางมาหม่ำอาหารเช้าที่ที่พัก เป็นปาท่องโก๋จิ่มนม แล้วก็ข้าวต้มเห็นหอมอร่อย แล้วก็มีข้าวผัดด้วย

เราแวะวัดวัดหนึ่งเป็นวัดสวยๆ ชื่อวัดสมเด็กภูเรือมิ่งเมือง ทำด้วยไม้ทั้งหลัง เงียบสงบดี เราแวะไปแป๊ปนึง แล้วเดินทางต่อ ระหว่างทางผ่านชาโต้เดอเลย จึงแวะสักหน่อย พอถึงที่นี่เราก็ซื้อของกินกันมีเค้กบราวนี่ 4 ชิ้นเด็กๆกินกันคนละ 2 ชิ้น และไอติมคนละถ้วย และป่าป๊าซื้อเค้กแมคคาเดเมียนั่งกินกันสดๆที่นี่เลยรวมทั้งน้ำเสาวสรส ขวดใหญ่ กินกันจนหมดเกลี้ยงแล้วออกเดินทางต่อ โมชิเอาน้ำเสาวรสขวดเล็กติดมาขวดหนึ่งด้วย

แวะวัดก่อนเดินทางไป ภูทับเบิก

แล้วเราก็เดินทางต่อ มาถึงปากทางแยกภูทับเบิก แวะซื้อของกันอีกนิดหน่อย แล้วมุ่งหน้าขึ้นมาเลย ระหว่างทางมีทางขาดอยู่ช่วงหนึ่งซึ่งรถก็ยังผ่านได้ เขากำลังซ่อมถนนอยู่ แต่รอบข้างวิวสวยมาก ตลอดทางเป็นหุบเขา แล้วรถวิ่งขึ้นยอดเขาภูทับเบิกซึ่งเป็นยอดสูงสุด

ที่ภูทับเบิก มีของกินขายข้างทาง ไม่แพง

เรามาถึงที่พัก ตรงจุดนี้คนคึกคักมาก มีแต่คนมาพัก มากางเต้นท์ หลายๆคน เดินทางมาเลย แล้วหาที่พักเอาเลย เพื่อจะกางเต้นท์ หรือไม่ก็จองห้องเอาไว้แล้ว แบบเรานี่ก็คือจองห้องไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่งั้นไม่มีที่นอนแน่ๆ

ที่เราพักอากาศดีมากอยู่บนยอดเขา แล้วข้างล่างไปเป็นลานกางเต็นท์อยู่หน้าบ้าน บ้านพักของเราเป็นบ้านที่วิวดีที่สุด เพราะลานข้างล่างต่ำลงไป ระเบียงหน้าบ้าน มองไปเห็นหุบเขา หมอกเต็มไปหมด อากาศเย็นมากๆ

บนนี้สวยสุดๆ สวยยิ่งกว่าที่ใด สูงมากด้วย หมอกเต็มเลย วิวสุดสายตา เราพักบ้านหลังนี้ พวกเรายืนบนก้อนเมฆ ขึ้นมาถึงที่นี่ก็อากาศเย็น เรามีผลไม้สต๊อกตอนทางขึ้นที่ชาวบ้านมาขาย ป่าป๊าเห็นว่า ใคนสั่งหมูกระทะมาหม่ำกัน ก็เลยสั่งหมูกะทะมากินบ้าง หมูกะทะอร่อยมาก เตาถ่านร้อน ลมเย็น ลมพัดแรงกินหมูกะทะไปเรื่อย แล้วก็ผิงไฟไปด้วยสนุกมาก เด็กๆกินกันเล่นกันสนุก
คนที่กางเต็นท์ ที่อยู่ใกล้ๆกับเรา ก็หม่ำหมูกระทะ บ้างเต้นทำอาหารเอง เอาเตาแก๊สมา ปิ้งโน่นนี่หม่ำ หม่ำเบียร์ไปด้วย บรรยากาศดีสุดๆ  เด็กๆ หม่ำจนอิ่ม แล้วนั่งข้างนอกไม่ไหว ไปในห้องนอนเล่น ป่าป๊าหม่าม๊า คุยกันเพลิน จนหนาวสุดๆ ที่นี่ใช้น้ำอุ่นระบบแก๊ส เหมือนทางเหนือทั่วไป ตอนแรกมันใช้ไม่ได้ ต้องเรียบเขามาซ่อม ต่อมาก็ใช้ได้ มีน้ำอุ่นอาบสบาย บรรยากาศเย็นมาก มืดแล้ว ลมแรง พวกเราเข้านอนกันประมาณ 4 ทุ่มกว่า

เราถามที่ร้านค้าว่า จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ไหน เขาก็ตอบว่า ที่นี่แหละ เพราะตรงนี้เป็นสุดยอดของเขาแล้ว มองไปทางไหนก็วิวสวยทั้งนั้นเลย

พรุ่งนี้ป่าป๊าจะลองปลุกดู ดูว่าจะมีใครตื่นมาดูวิวบ้างไหม

Comments are closed.