Day 1 กาญจนบุรี 9 – 10 Dec 2020
เมื่อวานให้ม่อนดูวีดีโอ Youtube เกี่ยวกับเครื่องเล่นสวนน้ำที่เลคเฮวเว่น ม่อนตื่นเต้นมาก โมชิก็เหมือนกัน เช้านี้เป่าป๊าตั้งใจล้อหมุน 6 โมงเช้า แต่จริงๆ เราออกเดินทางก็เกือบ 6.40 น. แล้ว ซึ่งเวลาก็ไม่มีปัญหาอะไร เดินทางสบายๆ
เราแวะพักจุดแรกก็คือจังหวัดนครปฐม เป็นร้านเชลล์ไม่เคยชิม มีอาหารหร่อยหลายอย่าง ม่อนหม่ำข้าวหมูกรอบ หม่ำหมดอย่างรวดเร็ว ส่วนโมชิหม่ำข้าวหมูแดง หม่ำอย่างอร่อย และหม่ำเร็วด้วย พอหมดแล้วยังขอเบิ้ลอีกด้วย กินเก่งจริงๆเช้านี้
หลังจากหมำ่กันอิ่มแล้ว หม่าม๊าซื้อขนมติดมือมานิดหน่อย แล้วเดินทางต่อกันทันที ไปยังจังหวัดกาญจนบุรี จุดที่เราแวะเยี่ยมชมก็คือ ต้นจามจุรียักษ์ จากถนนแสงชูโตที่มุ่งหน้าไปยังตัวจังหวัดกาญจนบุรี เราแยกเลี้ยวซ้ายตรงท่ามะกา และมาถึงแยกวัดถ้ำเสือ เราก็เลี้ยวซ็ายมุ่งหน้าไปยังต้นจามจุรียักษ์ ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวที่ทางหมู่บ้านทำเป็นตลาดต้อนรับคนเลย มีร้านค้าของขาย แต่วันนี้คนไม่เยอะนัก แต่ก็มีหลายคนแวะมาเยี่ยมชมความใหญ่ของต้นไม้นี้
กิ่งก้านของต้นไม้แต่ละกิ่ง ดูเหมือนต้นไม้อีกหนึ่งต้น ทอดออกไปจากลำต้นของจามจุรียักษ์นี้
ที่นี่บรรยากาศร่มรื่นมาก ถึงแม้แดดร้อน แต่ใต้ต้นไม้ใหญ่นี้ ร่มรื่นมากๆ แดดส่งมารำไรก็คลายความร้อนไปจากระยะทางที่ผ่านกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ใหญ่นี้
เราเดินเล่นถ่ายรูปสักพักใหญ่ๆ ก็เดินทางต่อ มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองกาญจนบุรี ไปยังร้าน คีรีมันตรา ซึ่งที่นี่มีร้านกาแฟ และอาหารสไตล์ฟิวชั่น ป่าป๊าขับรถออกมาตามทางเดิม ผ่านแยกที่จะไปวัดถ้ำเสือ (ที่ม่อนไม่อยากจะแวะวัด) ขับรถเลียบแม่กลองไปและเข้าสู่ถนนแสงชูโตต่อ ก่อนจะเลี้ยวซ้ายที่แยกแก่งเสี้ยน ทิศทางไทรโยค มุ่งหน้าไปยังร้าน ป่าป๊าขับรถอีก 50 นาทีก็ถึงร้านแล้ว ร้านนี้สวยมากๆ เป็นร้านอาหารไทย และมีส่วนที่เป็นร้านกาแฟ ที่มีอาหารสไตล์ฟิวชั่น ก็พวกสเต็ก พิซซ่านั่นเอง ม่อนและโมเลือกหม่ำที่นี่
ระหว่างที่รออาหาร ป่าป๊าหม่าม๊าไปเดินเล่นหลังร้าน ที่เป็นสวนขนาดใหญ่มาก ติดภูเขา บรรยากาศดีมาก จัดแต่งต้นไม้อย่างสวยงาม ด้านข้างเป็นป่าไผ่ ทำเป็นทางเดิน ระหว่างสองข้างทางก็มีร้านขายของกินจากทางร้าน ราคาแพงพอควร เช่นขนมปักหลวงพระบาง เป็นบันใส่ไส้หมูหรือไก่ ราคา 75 บาท
ร้านกาแฟจะขนาดใหญ่มาก หลังคาสูงมาก แอร์เย็นฉ่ำ พนักงานเพียบบริการเป็นอย่างดี
สองหนุ่มหม่ำกันจนอิ่มแล้ว ส่วนป่าป๊าหม่าม๊าไม่อยากหม่ำพิซซ่า จริงๆอยากหม่ำอาหารไทย แต่สองหนุ่มไม่ชอบ พอเราออกจากร้านนี้ มุ่งหน้าไปสู่เขื่อนศรีนครินทร์ พอเลี้ยวรถจากถนนเส้นนี้ กลับเข้าถนนแสงชูโต ก็เจอร้านอาหารตามสั่ง ป่าป๊าหม่าม๊าเลยแวะ สั่งข้าวผัดกระเพระ และข้าวราดผัดแขนง ร้านนี้มีเป็นอร่อย แต่เราไม่ได้สั่ง ก็เลยมีน้ำซุปรสชาดดีมาให้ด้วย พอหม่ำเสร็จแล้ว เรามุ่งหน้าสูง Lake Heaven เลย ใช้เวลา 1 ชม. ก็ถึง ระหว่างทางถนนดีมาก ถนนขึ้นเขาก็กว้างสะดวก รถไม่เยอะ ขับสบายมาก
พอพวกเราเช็คอินเข้าบ้าน ซึ่งเป็นบ้านแพสองหลัง หลังละ 1 ห้องนอน และมีห้องน้ำในตัว มีระเบียงหันหน้าเข้าสู่ทะเลสาบ และสวนน้ำ เราเปลี่ยนเสื้อผ้า และลงเล่นน้ำกันเลย
สวนน้ำจะเป็นเครื่องเล่นเป่าลม เหมือนเล่นเกมส์โชว์ เครื่องเล่นเป่าลมลอยบนน้ำ เราใส่ชุดชูชีพแล้วลงเล่นน้ำ ม่อนกับโมสนุกกันใหญ่ มีแผ่นโฟมลอยอยู่ ต้องปีนขึ้นไป และปีนต่อไปยังเครื่องเล่นต่างๆ ทั้งสไลดเดอร์ หอให้ปีน ทุกคนก็ตกน้ำกันและปีนใหม่ เหนื่อยกันสุดๆ ป่าป๊าเล่นไม่ไหวเลย เพราะเหนื่อยมาก ต้องใช้กำลังตลอดเวลา
พอถึงเวลา 4.30 น. ก็มีการล่องแพเปียก เพื่อพาไปเที่ยวเขื่อน และทะเลสาบ หม่าม๊าพาม่อนและโมไปเที่ยว ป่าป๊าไปไม่ไหว กลับมาห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วนอนเล่นหน้าระเบียงบ้าน
กลุ่มแพเปียก ล่องตั้งแต่เกือบ 5 โมง และกลับมาก็ 6 โมงได้แล้ว ทุกคนเหนื่อยกันหมด และสวนน้ำเขาก็ปิดแล้ว ไม่ให้เล่นหลัง 6 โมงเย็น หม่าม๊า ม่อนและโม ต่างก็กลับเข้าห้อง มีของกินเล่นรอไว้ ทุกคนอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วไปหม่ำอาหารเย็นกันที่แพอาหาร เป็นอาหารจัดเป็นชุดสำหรับแต่ละบ้านหรือแต่ละกรุ๊ป บ้านเรามี 4 คนได้อาหาร 4 อย่าง บานกรุ๊ปเป็ฯกรุ๊ปเล็ก ได้ 3 อย่าง หรือกรุ๊ปใหญ่ ก็ได้ 5 อย่าง
ม่อนเหนื่อยหม่ำไม่ได้เยอะ กินข้าวกับปลา และไก่ผัดผงกะหรี่ หม่ำไปได้ไม่เยอะ ก็อิ่มแล้วขอตัวเข้าห้องไปก่อน
ส่วนโมชิหม่ำปลาได้เยอะ กินแต่ปลากับข้าวสวย กับไก่ที่ซื้อไว้ตั้งแต่บ่าย อาหารเย็นนี้มี ต้มแซบกระดูกอ่อน ไก่ผัดผงกะหรี่ ผักต้มน้ำพริกคล้ายๆน้ำพริกหนุ่ม และปลาแม่น้ำทอด อาหารอร่อยใช้ได้ ไม่มากเป็นพิเศษ แต่ก็อร่อยดี
หม่ำกันเสร็จแล้วก็เดินกลับห้องกัน และเดาว่าม่อนนอนหลับแล้ว ขากลับแวะหม่ำไอติมวอลล์กันโมชิกับป่าป๊าแล้วเข้าห้อง ป่าป๊าหม่าม๊าอาบน้ำเสร็จก็มานั่งเล่นหน้าห้อง ส่วนโมชิก็มานั่หน้าห้องอ่านหน้งสือจากมือถือ บรรยากาศดี นอนที่แพลอยในทะเลสาบ คืนนี้เข้านอนกันประมาณสี่ทุ่มกว่าๆ